Suddenly, everything clicks. And swipes. And scrolls.

หลังจากที่บดขยี้สะดือเน่า ๆ ของ Mighty Mouse มาหลายเดือน ในที่สุดมันก็กู่ไม่กลับ (เกิดอาการอยากเปลี่ยน Mouse ด้วยแหละ) และด้วยอารมณ์ที่เซ็งอย่างแรงเราก็เลยขว้างลงพื้นไปเลย ผลก็คือตัว Body ที่เน่า ๆ อยู่แล้ว (รื้อบ่อยซะจนแทบจะไม่เหลือชิ้นส่วนอะไรอยู่แล้ว) ก็กระจุยเป็นชิ้น ๆ ส่งผลให้สายแพขาดสะบั้น (พูดซะเห็นภาพ….) ซึ่งเราก็ไม่ลังเลที่จะทิ้งมันอยู่แล้วก็เลยจัดการทำลายให้ใช้การไม่ได้อีกเลย (ไม่งั้นมันจะไปหลอกหลอนอยู่ที่คลองถม) หลังจากนั้นก็คิว่าจะไปซื้อในวันรุ่งขึ้น (อาทิตย์) เลยแต่ปรากฏว่า ของที่ร้านประจำในห้างดัง (Fortune) หมดเกลี้ยงต้องจอง…..(ไรหว่า ??? ) เราก็เลยต้องกลับมาสั่งผ่าน Online Store จนได้ (จริง ๆ ก็ตั้งใจไว้ก่อนแล้ว แต่คิดว่าร้านประจำน่าจะได้ราคาที่ถูกกว่า และพอดีว่าต้องไปธุระที่ Fortune อยู่แล้วด้วย) หลังจากนั้นก็ต้องไปหา Mouse ธรรมดามาใช้แก้ขัดไปพลาง ๆ ก่อน จนกระทั่งวันนี้ “เจ้าหนูเวทย์มนต์” ก็มาถึงมือเรา ซึ่งเท่าที่ลองใช้ดูก็รู้สึกว่าดีกว่ารุ่นเก่าอยู่เหมือนกัน ฉลาดและควบคุมได้ค่อนข้างง่าย แถมไม่มีสายมาให้เกะกะอีกต่อไป และช่วงที่กำลังจะสั่ง Mouse นั้นเราก็มีความคิดต่อว่าจะเปลี่ยน Keyboard ให้เป็นไร้สายด้วยเลย แต่ติดที่ว่าของเก่ายังไม่เจ็ง และเรารู้สึกว่า USB Port ที่ Keyboard มันยังมีประโยชน์อยู่ก็เลยไม่ได้สั่งมาพร้อมกัน แต่วันนี้หลังจากที่เราได้ใช้เจ้า Magic Mouse แล้วก็รู้สึกว่าน่าจะสั่ง KB มาด้วยเลย สุดท้ายเราก็เลยต้องเข้าไปสั่งอีกรอบ (จนได้เนาะ…) ซึ่งก็คาดว่าสัปดาห์หน้าของก็น่าจะมาถึงแล้วหล่ะ

Me and wrist wartches

ช่วงนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมา เราถึงได้กลับมาเริ่มสะสมเครื่องบอกเวลาอีกครั้ง (ส่วนหนึ่งน่าจะมาจาก Macintosh ที่ชวงนี้เงียบเหงาเสียเหลือเกิน) เนื่องจากเมื่อสักสิบกว่าปีก่อนเราก็เลยสะสมเครื่องบอกเวลามานิดหน่อย แต่ตอนนั้นด้วยความที่ยังเด็กก็เลยยังไม่ค่อยมีแนวทางในการสะสมชัดเจนนัก และยี่ห้อส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นพี่ยุ่น เพราะจำกัดด้วยเรื่องของราคาค่าตัว ซึ่งการกลับมาสะสมใหม่คราวนี้เราก็ขอข้ามทวีปไปฝั่งยุโรป และแน่นอนว่าประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของเครื่องบอกเวลาก็ย่อมไม่พ้น Swiss เป็นแน่ และด้วยความที่อยากจะสะสมเป็นเฉพาะยี่ห้อไปเลย ก็เลยต้องถามตัวเองดูก่อน และคำตอบที่ได้กลับมาก็คือ เครื่องบอกเวลาที่มียี่ห้อเป็นตัวอักษรตัวสุดท้ายในภาษากรีก (Ω) นั่นเอง

Beauty. Brains. And now more brawn.

จริง ๆ ได้ครอบครองเครื่องนี้มาก็นานเป็นเดือนแล้ว แต่เพิ่งจะอยากเล่าก็ตอนนี้แหละ (ข้ามปีกันไปเลย) เรื่องมันสืบต่อมาจากช่วงงานคอมพ์ ปลายปีที่แล้วนี่แหละ ด้วยเหตุผลที่เราอยากได้เครื่องตั้งโต๊ะสักเครื่อง เพราะการใช้ Laptop เพียงอย่างเดียวบางทีมันก็ไม่ค่อยสะดวกนัก แถมต้องคอยดูแลเรื่อง Battery อีก ซึ่งในตอนแรกเรากะว่าจะสั่งผ่านร้านประจำ แต่รู้สึกว่าจะล่าช้ากว่าที่เราคิดไว้ สุดท้ายเลยโทรไปขอยกเลิก Order เลยแล้วหันมาพึ่ง Online Store อีกรอบซึ่งก็รวดเร็วดังเคย (ติดเรื่องการปิดสนามบินนิดหน่อย) ครั้งแรกที่เห็นและแกะกล่อง.....โห....ไมเครื่องใหญ่อย่างเนี่ย ตอนไปดูที่ร้านไม่เห็นมันใหญ่อย่างนี้เลยนี่หว่า??? ก็เลยขอชัดภาพไว้เป็นที่ระลึกเสียหน่อย (เดี๋ยวจะเอาขึ้นเน็ต) สรุปก็คือพอเราได้เครื่องนี้มาก็ต้องจัดโต๊ะทำงานใหม่ (เพราะการจัดแบบเดิมไม่ค่อยสะดวกหน่ะ) และสิ่งที่ตามมาอีกอย่างคือต้องเปลี่ยนเก้าอี้ใหม่ด้วย เพราะตัวเก่าเตี้ยเกินไปเวลาใช้เครื่องแล้วเมื่อยคอเป็นบ้า

ปล.ลืมบอก Spec ไป iMac 3.06GHz 4GB of Ram 500GB HDD nVidia Geforce 8800GS 512 MB of Ram 24" Display ก็แค่นั้น

Apple online store (Thailand)

กว่าจะได้ฤกษ์เปิดตัวก็มีแนวโน้มมานานพอควรแล้วทีเดียว ในที่สุด Online store ของ Apple ก็เปิดตัวเสียทีเมื่อวันที่ 11/11/08 (เลขสวยวุ้ย) ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งช่วงเปิดตัวนี้ก็มี Promotion คือซื้อแมคหรือไอพอด จะได้ของแถมเป็นเสื้อที่ระลึก แต่มีข้อแม้คือต้องสั่งของก่อนวันที่ 24/11/08 และด้วยความที่เรามีโครงการจะซื้ออะไรสักอย่างอยู่แล้ว ซึ่งในความคิดแรกเราก็คิดว่าจะสอย iMac 24" ตัวสั่งพิเศษ สักตัวแต่ติดเรื่องวงเงินของบัตรเครดิต เราก็เลยลองใช้วิธี Bank Transfer แทน แต่ระหว่างที่จะไปโอนเงิน (จำนวนไม่น้อย) ทางแบงค์ก็ถามเราว่าจะโอนจริงหรือเปล่า สุดท้ายหลังจากที่คิดไปคิดมาก็เลยยกเลิกการโอนเลยดีกว่า (วิธีที่ง่ายที่สุดคือจ่ายผ่านบัตรเครดิต) แล้วเราก็กลับไปสั่งที่ร้านประจำแทน ซึ่งก็ดีกว่าสั่งผ่านเว็บก็ตรงที่ได้ส่วนลด และของแถมอีกนิดหน่อย ส่วนเรื่องการสั่งของผ่านเว็บเราก็เลยกลับมาสั่ง iPod Shuffle 2GB แทน (ที่สั่งเพราะจะเอาเสื้อนี่แหละ) สรุปจบคือ iPod มาเร็วกว่าที่คิดมาก (เราสั่งวันศุกร์ ของมาถึงบ้านวันจันทร์บ่าย) ส่วน iMac จนป่านนี้แล้วของยังไม่มาเลย ซึ่งถ้าวงเงินบัตรเครดิตเยอะพอควร แล้วอยากสั่งของผลิตพิเศษเราว่าสั่งผ่าน Online store จะสะดวกกว่าเยอะเลย

Nimble, meet quick

จริง ๆ แล้วร่างโพสนี้เอาไว้เป็นสัปดาห์แล้วเหมือนกัน แต่เพิ่งจะมีกะจิตกะใจเอาลง Blog นี่แหละ ก็เรื่องเกี่ยวกับ MBP ตัวใหม่ในครอบครองของเรานั่นแหละ ซึ่งตัวนี้ก็ได้มาในราคาและโอกาสที่พอจะอำนวย บวกกับความต้องการของเราด้วยส่วนหนึ่ง ซึ่งเจ้า MBP ที่เราได้มานั้นเป็น Body เก่าซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าทำไมเราไม่รอจองตัวใหม่ไปเลย ซึงจริง ๆ แล้วมันก็เป็นเหตุผลที่น่าคิดทีเดียว แต่ที่เราตัดสินใจกับตัวถังเก่า เพราะเรื่องราคานี่แหละ (อันนี้สำคัญ) ซึ่งในความเป็นจริงเราก็สามารถที่จะจอง MBP ตัวใหม่ได้เลย (ประมาณสองอาทิตย์ที่แล้ว) แต่เรามีความคิดต่อยอดไปอีกว่าอยากจะได้เครื่องที่ใช้งานที่โต๊ะทำงานด้วย ก็เลยตกลงปลงใจว่าสอยเครื่องตกรุ่นก่อนดีกว่า แล้วค่อยอดใจรอให้ iMac ปรับปรุงก่อน แล้วก็เอามาตั้งโต๊ะ ส่วนเรื่อง NMBP ในใจคิดว่าจะรอให้ CPU Mobile เลยไปถึง 3GHz ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที เพราะฉะนั้นเหตุผลของเราเลยเพียงพอที่จะซื้อเจ้า MBP ตัวนี้แล้วหละ

อ้อ....ลืมบอก Spec เครื่องนี้ไป MBP 15.4" 2.5GHz 4GB of Ram nVidia GF8600M GT 512 MB Superdrive แถม Wireless Mighty Mouse อีกตัวด้วย

ปล.ส่วนอีกสาเหตุที่ซื้อเพิ่มเพราะ PB 17" ที่ครอบครองมากว่า 4 ปีก็ใช้งานอะไรไม่ค่อยได้เสียแล้ว (HDD มองไม่เห็น ส่งให้ช่างแล้วสรุปว่าต้องเปลี่ยน Logic Board เลยเลิกเลย ซึ่งตอนนี้กำลังว่าจะไปซื้อ Firewire HDD Ext มาต่อใช้แล้วอ่ะ) ส่วนเจ้า Air ก็ค่อนข้างคับแคบไปหน่อย (เนื้อที่น้อง+ทำงานหนัก ๆ ไม่ค่อยรอด) ก็แค่นั้น

nano chromatic

สีแดงแรงฤทธิ์ สวยสดได้ใจ แถมบางเฉียบอีกต่างหาก กับ iPod nano 4th Generation ตัวล่าสุดที่ได้มาครอบครอง ด้วยเหตุการณ์และความลงตัวนิดหน่อย ก็คงไม่ต้องบอกแล้วหล่ะว่าเราเลือกสีแดง แบบไม่ต้องคิดเนื่องจากตั้งใจที่จะมี iPod สีแดง (รุ่นไหนก็ได้) นานแล้ว สุดท้ายก็เอาฟระ ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง.....เอ๊ย ไม่ใช่.....สุดท้ายก็เลยมาลงตัวเอาก็รุ่นนี้แหละ อาจจะเพราะข้อดีที่มีภาษาไทยติดมาใน Firmware เลยด้วยมั๊ง (คราวนี้ก็จะ Update Firmware ได้อย่างสบายใจเสียที) ทำให้เราตัดสินใจได้อย่างไม่ยากเย็นนัก และหลังจากที่ใช้งานมาสักพักแล้วก็พบว่ายังคงขาดของ "คู่ขวัญ" อีกชิ้น นั่นก็คือ Remote ที่มีปุ่มปรับเสียงและไมค์สำหรับอัดเสียงนี่แหละ ซึ่ง ณ ตอนนี้ตัวแทนจำหน่ายทั้งในบ้านเราและเมืองนอกก็ยังไม่มีให้เห็นเลย (คาดว่าน่าจะต้นเดือน พ.ย. น่าจะได้ครอบครอง) ก็เอาไว้ดูกันต่อไป

The world's thinnest notebook

ช่วงนี้ก็มี HW ใหม่มาให้ได้ครอบครองอีกแล้ว นั่นก็คือ MacBook Air นั่นเองซึ่งตัวที่เราได้มาก็เป็นตัว 1.8 GHz C2D ซึ่งมาพร้อมกับ Superdrive ด้วยเลย (ครบชุดเลยว่างั้น) ส่วนสาเหตุที่ได้มาก็เพราะความบังเอิญและจังหวะที่ลงตัวนิดหน่อย เท่าที่ลอง ๆ ใช้ดูมา 3-4 วันแล้วสิ่งที่ประทับใจอันดับแรก ๆ คือความบางและเบานี่แหละ ส่วนเรื่องของหน้าจอก็ออกจะดูสว่างกว่า MacBook อย่างสังเกตุได้ และด้วยความที่ Body ที่เป็น Aluminium เลยทำให้การระบายความร้อนดีไปด้วยเลย และยังแถมด้วย KB ที่เรืองแสงได้อีก (ชอบตรงนี้อีกอย่างด้วย) ก็นับว่าครบครันที่เดียวสำหรับเครื่องที่บางเฉียบขนาดนี้ ส่วนตัว SD เองก็ไม่น่าจะเป็นภาระสำหรับการแบกเพื่อเดินทางมากนัก และจุดสังเกตุอีกอย่างที่น่าจะทำให้การพกพาไม่น่าจะเป็นภาระมากนักคือ Adaptor ที่มีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด (เล็กกว่า MB อีก)