Nokia and me

มาคราวนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับ Mac แล้วหล่ะ แบบว่าพอดีว่าเราเกิดอาการอยากจะลองหวนกลับไปใช้โทรศัพท์ Nokia ดูอีกครั้ง (หลังจากที่ไม่ถูกโรคกันมานาน) ด้วยความที่ได้ไปสัมผัสจากบรรดาญาติ ๆ ด้วยกัน เออหว่ะ....Nokia ยุคหลัง ๆ นี้มันก็ไม่เลวเหมือนกันแฮะ แต่ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าจะไปลงเอยกับรุ่นไหน แต่เท่าที่เล็ง ๆ ไว้ก็น่าจะเป็น 6630 หรือไม่ก็ N70 ส่วนรุ่นอื่นมองแล้วมันไม่เข้าตาเลยอ่ะ ว่าแล้วก็เลยออกไปซื้อมันวันนี้แหละ ส่วนสถานที่ที่โฉบไปดูก็คงไม่พ้น MBK ที่เดิม ซึ่งหลังจากที่เราได้ลองเดินสำรวจราคาดูก็พบว่าในราคาที่ไม่ทำร้ายจิตใจมากนักก็เห็นจะเป็นเจ้า 6630 นี่แหละ เพราะด้วยความที่ออกมาเกือบปีแล้ว ราคาก็เลยหล่นอย่างเมามัน จากสองหมื่นกว่า หล่นมาอยู่ที่ระดับหมื่นกว่า (ซึ่งเราพอทำใจยอมรับกับความเสี่ยงครั้งนี้ได้แล้วหล่ะ) ในขณะที่ N70 ยังคงลอยค้างอยู่ที่ราว ๆ สองหมื่นเห็นจะได้ สุดท้ายตัวเลือกเลยไปตกอยู่ที่ 6630 หมดเลย เอาหล่ะพอตกลงปลงใจว่าจะเสี่ยงแล้วก็เริ่มออกเดินหาร้านที่ราคาถูกใจสุด ก็ไปหยุดอยู่ที่ร้านขายส่งเพราะราคาจะดีกว่าร้านทั่ว ๆ ไป สุดท้ายเราก็เลยได้เป็นเจ้าของ Nokia 6630 จนได้สิน่า จากตอนนี้เท่าที่ลองถือ ๆ ดูก็พบว่ามันไม่เลวทีเดียว แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่ามันจะสามารถใช้งานกับเจ้า PB ได้ดีขนาดไหน แล้วเรื่องโปรแกรมต่าง ๆ อีกที่ต้องมานั่งเริ่มใหม่เกือบหมดเลย (หางานให้ตัวเองแท้ ๆ ) แต่สิ่งที่ชอบจริง ๆ อย่างหนึ่งของเจ้า 6630 ก็คือมันมีเซนเซอร์วัดแสงด้วย (ลักษณะการทำงานคล้าย ๆ PB แหละคือคอยวัดแสงรอบข้าง ถ้าแสงจ้า ไฟที่ปุ่มกดจะดับ และจอก็จะสว่างสุด แต่ในทางกลับกันถ้าแสงน้อยลง ไฟที่ปุ่มกดจะติดขึ้นมา และหน้าจอก็จะลดความสว่างลง) ตรงนี้แหละมั๊งที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อหามาครอบครองได้อย่างไม่ยากเย็น และระหว่างทางกลับบ้านเราก็นั่งศึกษา+ลองเล่นนั่นเล่นนี้มาเรื่อย ๆ ก็พบว่ามันก็สามารถเข้าใจได้ไม่ยากนี่หว่า (เริ่มมีความดีให้เห็นขึ้นมาอีกครั้ง) พอกลับมาถึงบ้านเราก็ทำการชาร์จไฟก่อนเลย (ตามสูตร) รอแล้วรอเล่าจนครบ 4 ชม. ก็เอาออกมาเล่นแบบละเอียดอีกครั้ง และก็ไม่ลืมที่จะทดสอบกับ Mac ด้วยผลก็ออกมาแบบน่าพอใจคือมันสามารถใช้งานร่วมกับ Mac ได้เป็นอย่างดี (รอดตัวไปหวุดหวิด) และต่อจากนี้ไปเราก็คงจะต้องหันมามองโทรศัพท์ Nokia ให้ดีขึ้นกว่าเก่าเสียหน่อยแล้ว ฮ่า ๆ